STORY / Oct 21, 2023
New Orleans หรือ Crescent City เมืองสวยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่ ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นเมืองท่าสำคัญที่ใหญ่ที่สุดทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐหลุเซียนา ตั้งชื่อตามฟิลิปป์ที่ 2 ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของยุคแห่งออร์เลอองส์ฝรั่งเศส ก่อนจะถูกส่งต่อให้สหรัฐอเมริกา ทำให้บรรยากาศภาย่ในเมืองมีกลิ่นอายแบบฝรั่งเศสอย่างเด่นชัด และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมอันหลากหลายมีชื่อเสียงในด้านการเป็นต้นกำเนิดของดนตรีเเจ๊ส แหล่งรวมอาหารสไตล์ครีโอลคลาสสิกแสนอร่อย มนต์ขลังทางวัฒนธรรมและสถาปตยกรรมที่สวยงาม รวมไปถึงตำนานเรื่องลี้ลับกระฉ่อนโลก และเทศกาลสุดคึกคัก หลากหลาย่ในทุกมิติ
HOW TO GO
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาลงที่สนามบินนวออร์ลีนส์ (Louis Armstrong New Orleans International Airport) จากนั้นใช้บริการิ Airport Shuttle Bus เพื่อเดินทางเข้ามาในย่าน French Quarter ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ค่าบริการคนละ 24 ดอลลารสหรัฐ (ประมาณ 830 บาท) สามารถของควรถล่วงหน้าได้ที่ www.airportshuttleneworleans.com
หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในดนตรีแจ๊ส ต้องมาที่นิวออร์ลีนส์ เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งต้นกำเนิดของวัฒนธรรมเพลงแจ๊สแล้ว ยังเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับไหลเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถฟังเสียงแซกโซโฟนและดนตรีแจ๊สบรรเลงได้ตลอดเวลาในระหว่างที่กำลังเดินชมบ้านเรือนสไตล์ฝรั่งเศสในย่าน French Quarter โดยตลอดสองข้างทางจะสามารถเห็นหลุ่มนักดนตรีมาตั้งวงเล่นเพลงแจ๊สกันอย่างคึกคัก รวมถึงยังมีแจ๊สบาร์ชื่อดังน่าเข้าไปนั่งจิบค็อกเทลพร้อมฟังดนตรีเพลิน ๆ มากมาย เช่น Preservaton Hall คลับแจ๊สที่เก่าแก่ที่สุดในนิวออร์ลีนส์และ Spotted Cat Music Club อีกหนึ่งแจ๊สบาร์ที่มีชื่อเสียง เป็นต้น
คลับแจ๊สที่เก่าแก่ที่สุดในนิวออร์ลีนส์ ภายใต้อาคารไม้สุดีคลาสสิกที่ให้บริการสร้างสรรคความบันเทิงมาตั้งแต่ ค.ศ. 1961 บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง มอบความสุขและรอยยิ้มอย่างเต็มอิ่ม
Address: 726 Peter Street, New Orleans
ทานดินเนอร์สารพัดเมนูคลีโอคลาสสิกสุดอร่อย เคล้าไปด้วยเสียงดนตรีแจ๊สแบบดั้งเดิม ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสของมื้อนี้ให้พิเศษยิ่งกว่ามื้อไหน ๆ
Address: 1204 Decatur Street, New Orleans
แจ๊สบาร์เล็ก ๆ ที่เป็นแหล่งรวมของนักดนตรีรุ่นใหม่ บรรยากาศสุดคึกคักมักจะได้เห็นการแสดงแบบ Jam Session เป็นประจำ
Address: 623 Frenchmen Street, New Orleans
ภัตตาคารอาหารทะเลสไตล์คลีโอคลาสสิก บรรยากาศหรูหรา สำหรับครอบครัว มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor ริมสระว่ายน้ำ พร้อมฟังดนตรีแจ๊สบรรเลงสด
Address: 634 Louisa St, New Orleans
คลับแจ๊สที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่ปีค.ศ. 1831 ก่อนจะปิดตัวลงและเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ. 1969 ให้บริการบาร์ค็อกเทลและเบียร์คราฟท์ครึกครื้นไปด้วยเสียงดนตรีบรรเลงจนถึงรุ่งเช้า พร้อมมีโซนขาย CD เพลงแจ๊สเป็นของที่ระลึกด้วย
Address: 733 Bourbon Street, New Orleans
คลับแจ๊สสุดหรูในโรงแรม The Royal Sonesta New Orleans ที่ให้บริการทั้งอาหารนานาชาติ และบาร์ค็อกเทลสุดหรู เอ็นจอยกับเสียงเพลงไพเราะได้อย่างต่อเนื่อง
Address: 300 Bourbon Street, New Orleans
นิวออร์ลีนส์ถือเป็นสวรรค์ของสายกินอย่างแท้จริง เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยร้านอาหารชื่อดงมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสไตล์เคจุนหรือสไตล์ครีโอลคลาสสิกแบบชาวฝรั่งเศสดั้งเดิม แต่ละร้านล้วนมีเมนูอร่อยเด็ดแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็น ปาท่องโก๋ฝรั่งเศส Beignet ที่ Cafe De Monde หรือ หอยนางรมย่างเนยที่Drago’s และร้าน Acme หรือ เบอร์เกอร์ Po’Boy กุ้งทอดีที่ร้าน Melba’s Po Boys Boiled Crawfish ที่ร้าน Oceana Grill และห้ามพลาดเมนูชื่อดังอย่างซุป Gumbo กันด้วย
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเมนูปีกไก่นิวออร์ลีนส์ที่เรารู้จักกันดีมีที่มาจากเมืองนี้ แต่ความจริงแล้ว ชื่อจริงของไก่นิวออร์ลีนส์คือ Buffalo Wing ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ เมือง Buffalo ในรัฐ New York เดิมทีเป็นเมนูปีกไก่ทอดธรรมดาทั่วไป แต่มีความพิเศษอยู่ที่ซอสราดสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมา และต่อมาได้มีการพัฒนาสูตรซอสราดต่าง ๆให้ถูกปากคนในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไป
อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนตกหลุมรักนิวออร์ลีนส์คือย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ฝรั่งเศสแสนสวย ทั้งย่าน French Quarter ที่มีไฮไลท์สุดป๊อปอย่าง Jackson Square และย่าน Uptown & The Garden District ทางตอนใต้ของนิวออร์ลีนส์ เป็นที่ตั้งของบ้านเรือนหลากหลายสไตล์ตั้งเรียงรายอยู่ตามถนนที่มีร่มเงาของต้นโอ๊ก มักถูกเรียกว่า Oak Street มีตั้งแต่บ้านพักชั้นเดียวไปจนถึงคฤหาสน์เก่าแก่โอ่อ่า มีสวนหย่อมที่ตั้งอยู่ริมถนน St. Charles Avenue และ Lafayette Cemetery No. 1 สุสานเก่าแก่จากศตวรรษที่ 19 สถานที่ฝังหลุมศพของอดีตเจ้าเมืองทั้ง 7 ของรัฐนิวออร์ลีนส์ บรรยากาศลึกลับ น่าค้นหา ย่านเมืองเก่าของนิวออร์ลีนส์ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น National WW II Museum พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สอง และ Whitney Plantation พิพิธิภัณฑ์บ้านทาส เป็นต้น
ไฮไลท์ในการเที่ยวย่านเมืองเก่านิวออร์ลีนส์คือ การนั่งรถม้าแบบดั้งเดิมหรือนั่งรถรางสาย St. Charles Streetcar หนึ่งในรถรางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เที่ยวชมบรรยากาศรอบเมืองไปแบบเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ
หนึ่งในสัญลักษณ์ของนิวออร์ลีนส์คือ เทศกาล Mardi Gras เทศกาลเฉลิมฉลองที่โด่งดังของโลกจัดขึ้นครั้งแรกในค.ศ. 1857 Mardi Gras มีความหมายในภาษาฝรั่งเศสว่า Fat Tuesday โดยจะจัดขึ้นในวันอังคารก่อนวัน Ash Wednesday ผู้คนจะออกมาเดินขบวนพาเหรดหน้ากากแฟนซีหลากสีสัน และจะร่วมฉลองกันในวันสุดท้ายก่อนจะเริ่มถือศีลอด โดยไฮไลท์ของงานคือ การโยนสร้อยลูกปัดจากขบวนรถพาเหรดให้ผู้ชมข้างทางเก็บอย่างสนุกสนาน
นิวออร์ลีนส์ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเป็น “ที่สุด” ของอเมริกาและของโลกเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็น สะพานคู่ขนานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง The Lake Pontchartrain Causeway ด้วยความยาวถึง 23.83 ไมล์ หรือรถรางสาย St.Charles Streetcar รถ่รางที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1835 หรือ Canal Street ถนนสายหลักของนิวออร์ลีนส์ที่มีความกว้างมากที่สุดในอเมริกา และ St. Louis Cathedral โบสถ์โรมันคาทอลิคที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1718 ก่อนจะถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในค.ศ. 1788 จากนั้นจึงได้มีการบูรณะสร้างใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรเปียนและขยายตัวอาคารให้ยิ่งใหญ่อลังการมาจนถึงปัจจุบัน
เชื่อหรือไม่ว่านิวออร์ลีนส์ยังขึ้นชื่อที่สุดในอเมริกาเรื่องผีดุ ในอดีตชาวเมืองมักได้ยินเรื่องเล่าหรือได้เห็นสิ่งประหลาดีที่น่าสะพรึงกลัวในสารพัดรูปแบบไม่ว่าจะเป็น เรื่องผีดูดเลือด เรื่องการตายของทาสจำนวนมาก ไปจนถึงคำสาปจากโรคระบาดร้ายแรงที่คร่าชีวิตชาวเมืองไปหลายหมื่นคน โดยผู้ที่หลายคนรู้จักคือ มาร์ ลาโว ผู้นำลัทธิวูดูทีมีชื่อเสียงในช่วงค.ศ. 1800 ที่ได้รับความศรัทธาอย่างแรงกล้าว่ากันว่าเธอทราบความเคลื่อนไหวทั้งหมดและทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมือง จนทำให้ชาวเมืองหลายคนหันกลับไปบูชา “ศาสนาวูดู” ซึ่งเป็นศาสนาพื้นเมืองของชาวเฮติและชาวเมืองนิวออร์ลีนส์ที่แสดงออกถึงความเชื่อ ค่านิยม ที่ยึดถือมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงผู้คนเ เข้าด้วยกัน โดยศาสนาวูดูจะนับถือเทพเจ้าและวิญญาณเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพิธีกรรมสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า มีการใช้เครื่องดนตรีในการประกอบพิธีกรรม พวกเขาเชื่อว่าแต่ละคนล้วนมีวิญญาณอยู่ในร่างกาย และมันมีหน้าที่ควบคุมร่างกาย การมีจิตวิญญาณจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าวิญญาณสามารถพูดแทนพระเจ้าหรือคนตายได้รวมถึงสามารถช่วยในการรักษาอีกด้วยแนวคิดเรื่องตุ๊กตาจึงกลายมาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงจิตวิญญาณระหว่างกัน ปัจจุบันผู้คนบางส่วนยังคงบูชาตุ๊กตาวูดู เพราะเชื่อว่าเป็นเครื่องรางที่คอยปกปักรักษา เหมือนเสาค้ำชูชีวิต ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด และคิดว่าตุ๊กตาวูดูเป็นของสาปแช่งที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
บ้านผีดุมีชื่อเสียงมากที่สุดีคือ The Lalaurie Mansion คฤหาสน์ที่เป็นสมบัติตกทอดของเดลฟีน ลอรี่ หญิงชาวอเมริกันชั้นสูง ว่ากันว่าเธอทรมานและฆ่าทาสผิวสีตายไปมากกว่าร้อยศพ จนกระทั้งเกิด ไฟไหม้ในปีค.ศ. 1834 เมื่อนักดับเพลิงเข้าไปดับไฟก็ได้พบกับศพของทาสทั้งชายและหญิงถูกล่ามโซ่และทำาให้พิการเป็นจำนวนมาก จากนั้นชาวเมืองก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากคฤหาสน์แห่งนี้กันเรื่อยมา จนกลายเป็นที่มาของภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง The Conjuring
ด้วยภูมิประเทศของรัฐหลุยเซียนาทีมีหนองน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้นิวออร์ลีนส์เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์นำหลายสายพันธุ์เช่น จระเข้สายพันธุ์เล็ก Alligator และนก Pelican หรือนกกระทุง ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะสามารถพบเห็นสัตว์แปลกเหล่านี้ได้ตามแหล่งนำทั่วไป รวมถึงเห็นพ่อค้าแม่ค้าที่นำชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสัตว์เหล่านี้มาวางขายกันที่ตลาด French Market กันอย่างคึกคักอีกด้วย
ที่พักสุด หรูสไตล์มินิมอลร่วมสมัยในโทนสีขาว - ดำ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังนอนพักอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ไดี้แรงบันดาลใจมาจากความหรูหราทรงคุณค่าแบบโบราณ
Address: 546 Carondelet Street, New Orleans, Louisiana, USA
Website: www.maisondelaluz.com
หรูหรามีระดับ ใจกลางย่าน Central Business District แสนสะดวกสบายตกแต่งด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสเข้ากับกลิ่นอายของนิวออร์ลีนส์ได้อย่างลงตัว
Address: 600 Carondelet Street, New Orleans, Louisiana, USA
Website: www.acehotel.com/new-orleans
Traveller Man
นักเที่ยวตัวฉกาจ | Story: 25 | COMMENT: 265 | LIKE: 560
"ท่องเที่ยวไปใน ทุกที่"Comment