The Beautiful Chapter of Songkhla สงขลา เสน่ห์เมืองเก่าสิงหนคร

STORY / Sep 14, 2022

The Beautiful Chapter of Songkhla สงขลา เสน่ห์เมืองเก่าสิงหนคร

กลิ่นอายเมืองเก่า ตึกรามบ้านช่องที่ยังคงร่องรอยความเป็นเมืองประวัติศาสตร์สำคัญในอดีต สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ธรรมชาติที่งดงาม และวิถีชีวิตที่ดำเนินอยู่ร่วมกันอย่างเรียบง่ายของชาวไทย พุทธ จีน มุสลิม คือเสน่ห์รายล้อมสงขลา เมืองสองทะเลที่กำลังก้าวสู่เส้นทางการเป็นเมืองมรดกโลก


หลายคนคงไม่ทราบว่าเมืองสงขลาดั้งเดิมนั้น มีจุดเริ่มต้นที่อำเภอสิงหนครบริเวณเขาหัวแดง เป็นเมืองท่าเล็ก ๆ ที่พ่อค้าชาวมลายูและจีนมาปักหลักอาศัยอยู่ ก่อนจะขยายมาอยู่ที่ตัวเมืองสงขลาในปัจจุบัน




สิงหนคร จุดเริ่มต้นเมืองสงขลา 

เมืองเก่าสงขลาฝั่งสิงหนคร ตั้งอยู่บริเวณหัวเขาแดง (เขาน้อย) โดยในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถดาโต๊ะโมกอลล์ได้ลี้ภัยจากชวามาบุกเบิกสร้างบ้านเรือน ท่าเทียบเรือขนาดใหญ่จนกลายเป็นมาเป็นเมืองท่าโด่งดังในคาบสมุทรสทิงพระ เป็นที่รู้จักในนาม เมืองซิงกูร์ หรือซิงกอร่า ซึ่งเดาว่าอาจเพี้ยนมาจากคำว่า สิงหลา หรือ สิงหนคร ตามบันทึกของพ่อค้าและนักเดินทางสมัยนั้น

สุลต่านสลัยมาน ผู้ปกครองต่อมาของสิงหนครเป็นผู้ที่ความสามารถในการค้าและการสู้รบปกป้องบ้านเมือง ได้สร้างป้อมไว้ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั้งบนเขาและที่ราบ ทำให้เมืองเก่าสงขลาสิงหนครเป็นเมืองที่มีคูเมือง กำแพงและป้อมปราการเป็นปราการที่แข็งแรงของเมืองและยังเหลือร่องรอยให้ได้ชมมาถึงทุกวันนี้


โบราณสถานอันซีนสิงหนคร


ป้อมปราการหมายเลข 8



หรือป้อมปืนปากน้ำ ตั้งอยู่บนเชิงเขาบริเวณปากทะเลสาบสงขลา เป็นหลักฐานแสดงถึงความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของเมืองสงขลาในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี จากจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองสงขลาได้ทั้งสองฝั่งทะเล 

ที่อยู่: ต.หัวเขา อ.สิงหนคร


ซากกำแพงเมืองเก่า หรือป้อมหมายเลข 1 



ตั้งอยู่ริมถนนสายหัวเขาแดง – ระโนด มีลักษณะเป็นกำแพงอิฐเก่า ความกว้าง 17 ม. ยาว 22 ม. สูง 4.5 ม. ปัจจุบันยังมีสภาพที่สมบูรณ์สวยงาม


ที่อยู่: ถ.หัวเขาแดง ต.หัวเขา อ.สิงหนคร


ป้อมปราการ หมายเลข 9 


ตั้งอยู่ริมถนนระโนด เป็นป้อมปราการที่สภาพสมบูรณ์ที่สุด มีลักษณะผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีใบบังสำหรับวางปืนใหญ่ทั้งสี่ด้าน สามารถเข้าไปชมความสวยงามภายในป้อม พร้อมชมทิวทัศน์ที่ร่มรื่นรอบข้างได้

ที่อยู่: ถ.ระโนด ต.หัวเขา อ.สิงหนคร


วัดเขาน้อย 



โบราณสถานเก่าแก่บนยอดเขาหัวแดง สถานที่ประดิษฐานองค์เจดีย์เขาน้อยอันทรงคุณค่าของสิงหนครในอดีต แม้บางส่วนจะผุพังไปแล้ว แต่ก็ยังหลงเหลือร่องรอยให้ชม ไม่ว่าจะเป็น ฐานเจดีย์ก่ออิฐ องค์พระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยา ใบเสมาหินทรายแดง เป็นต้น

ที่อยู่: วัดเขาน้อย ม.78 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร 




Tip: การเดินทางจากอำเภอสิงหนครมาตัวเมืองสงขลา สามารถใช้บริการเรือแพขนานยนต์ บริเวณท่าเรือหัวเขาแดง ค่าบริการรถยนต์คันละ 20 บาท หรือขับรถข้ามสะพานติณสูลานนท์ สะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในไทย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ไม่ว่าจะเส้นทางไหนก็จะได้สัมผัสบรรยากาศในการข้ามทะเลสาบที่น่าประทับใจ




สงขลา เสน่ห์วันวานสู่วันนี้

จากเมืองเก่าสงขลาฝั่งสิงหนครสู่สงขลาฝั่งแหลมสน ขยายมาสู่ฝั่งบ่อยาง จนมาเป็นย่านเก่าสุดคลาสสิกที่ครอบคลุมถนนสำคัญ 3 สาย ได้แก่ ถนนนครนอก ถนนนครใน ถนนนางงาม เสน่ห์ของสงขลาก็ยังคงไม่เปลี่ยน แต่กลับเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิม 


ย่านเมืองเก่าที่มีชีวิตชีวา

เริ่มต้นการเยือนย่านเมืองเก่าสงขลา เดินเล่นเก็บภาพสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทั้งห้องแถวไม้แบบจีนหรือตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง สตรีทอาร์ต พิพิธภัณฑ์ คาเฟ่สุดชิค ร้านอาหารอร่อยเด็ด และที่พักเก๋มากมาย 


ประตูเมืองจำลอง สงขลา



ตั้งโดดเด่นต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวสู่เขตเมืองเก่าสงขลา บริเวณทางเชื่อมถนนนครนอก – นครใน ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงของเมืองสงขลา



สตรีทอาร์ตเมืองเก่าสงขลา



สิ่งแรกที่คอยดึงดูดสายนักท่องเที่ยวคงจะหนีไม่พ้น ผลงานสตรีทอาร์ตที่แทรกตัวอยู่ตามอาคารและกำแพงต่าง ๆ ในย่านเมืองเก่าบนถนนเส้นหลักอย่างถนนนางงาม ถนนนครใน และถนนนครนอก โดยผลงานแต่ละชิ้นล้วนบอกเล่าเรื่องราวถึงวิถีชีวิตของชุมชนและวัฒนธรรมของชาวสงขลาได้ดี



ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง



ถัดจากวัดกลางก็จะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง ณ สงขลา) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา มีลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีนสวยงาม ภายในประดิษฐานหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ที่รัชการที่ 3 พระราชทานในพิธีฝังหลักเมืองเมื่อปีพ.ศ. 2385 บริเวณใกล้ ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้ากวนอูที่ชาวสงขลาศรัทธากันอีกด้วย

ที่อยู่: ถ.นางงาม ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 8.00 – 17.00 น.



บ้านนครใน



อาคารสองหลังสองสไตล์ที่เก่าแก่อายุกว่า 300 ปี หลังแรกเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน อีกหลังเป็นตึกสูงสีขาวแบบชิโนยูโรเปียน ตั้งเคียงข้างกันบนถนนนครใน เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้เชิงศิลปะ วัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสงขลา 

ที่อยู่: 122 ถ.นครใน ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 8.00 - 18.30 น.



หับ โห้ หิ้น



โรงสีข้าวโบราณสีแดงสดขนาดใหญ่ อายุกว่า 100 ปี เคยเป็นโรงสีที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น หลังปิดกิจการก็กลายเป็นท่าเทียบเรือประมงขนาดเล็ก เสน่ห์ของที่นี่คือ ตัวอาคารที่ยังสมบูรณ์สวยงาม จนได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น  ปัจจุบันเปิดเป็นพื้นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองเก่าสงขลา และพื้นที่จัดกิจกรรมศิลปะอย่างสม่ำเสมอ

ที่อยู่: 13 ถ.นครนอก ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 6.00 - 18.00 น.


Titan Project Space



ครีเอทีฟสเปซที่นำเรื่องราวเก่า ๆ ของเมืองสงขลา กลับมาเล่าใหม่อย่างสร้างสรรค์ ภายในมีโซนแสดงนิทรรศการถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสงขลาในอดีต ผ่านสื่อศิลปะแบบร่วมสมัย มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย นอกจากนี้ยังมี Clay Room คาเฟ่โรงนํ้าชาที่เสิร์ฟชุดชาร้อน ๆ พร้อมขนมไทยโบราณ ให้นั่งจิบเพลิน ๆ ริมทะเลสาบสงขลาด้วย

ที่อยู่: 39 ถ.นครนอก ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ศุกร์ - อาทิตย์ 10.30 - 18.30 น.


มัสยิดบ้านบน


สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวของชาวมุสลิมที่ย้ายถิ่นฐานมาจากฝั่งเมืองเก่าสิงหนคร อดีตเคยเป็นมัสยิดกลางของจังหวัดสงขลา เป็นศิลปะแบบผสมผสานระหว่างมลายู ไทย จีน ภายในเก็บรักษา โคมระย้า เครื่องประดับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 เอาไว้ด้วย

ที่อยู่: ชุมชนบ้านบน ถ.พัทลุง ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 8.00 – 17.00 น.


วัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร



"วัดกลาง" คู่เมืองสงขลา สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ออกแบบโดยช่างฝีมือคนเดียวกับมัสยิดบ้านบน ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น ซุ้มประตูแบบยุโรป อุโบสถศิลปะไทย - จีน มีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมัชฌิมาวาส ซึ่งเก็บรวบรวมโบราณวัตถุและสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านของชุมชนสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง

ที่อยู่: 222 ม.11 ถ.ไทรบุรี ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 8.00 – 17.00 น.


กำแพงเมืองเก่าสงขลา



กำแพงเก่าที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 และแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2385 โดยโครงสร้างกำแพงเมืองก่อด้วยศิลาก้อนสอปูนเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบเมืองสงขลาเอาไว้ ปัจจุบันคงเหลือแต่กำแพงด้านถนนจะนะ ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และที่ถนนนครในไว้ให้เชยชมเท่านั้น

ที่อยู่: ถ.จะนะ ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา 

พิพิธภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจทั้งภายในและภายนอก เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะจีนแบบสี่ด้านล้อมลาน พร้อมการตกแต่งแบบตะวันตก สร้างขึ้นตั้งแต่ราว ๆ พ.ศ. 2421 และได้รับการปรับปรุงตลอดมา ภายในเก็บรวบรวมศิลปวัตถุโบราณ พร้อมจัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ ชาติพันธุ์วิทยา และอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ที่อยู่: 13 ถ.วิเชียรชม ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: พุธ - อาทิตย์ 9.00 - 16.00 น.

ค่าเข้า: คนละ 30 บาท


ธรรมชาติรายล้อม

หาดสมิหลา 



นอกจากจะเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองแล้ว รอบ ๆ สงขลายังมีธรรมชาติให้รื่นรมย์อย่างหาดสมิหลา หาดชื่อดังที่มีทิวต้นสนทอดยาวตลอดแนวชายหาด และแลนด์มาร์คประจำหาดที่ต้องแช็คอินอย่าง รูปปั้นนางเงือก รูปปั้นหนูและแมว

ที่อยู่: หาดสมิหลา ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา


หาดชลาทัศน์



ชายหาดเงียบสงบที่เชื่อมต่อมาจากหาดสมิหลา ร่มรื่นด้วยทิวสน จะขับรถเล่นเปิดกระจกรับลม ปิกนิก เล่นน้ำทะเล หรือจ้อกกิ้งบนชายหาดก็เลือกได้ตามใจชอบ 

ที่อยู่: หาดชลาทัศน์ ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา


สวนสาธารณะสงขลา



ปอดสีเขียวแห่งใหม่ของเมืองสงขลา ติดหาดชลาทัศน์ มีถนนหนทางที่ว้าวมาก ให้ฟีลเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ริมชายหาดที่ไมอามี่ และยังมีสนามกีฬาอีก 3 แห่งคือ สนามฟุตบอล  วอลเล่ย์บอล และบาสเก็ตบอล ถูกใจสายรักสุขภาพแน่นอน

ที่อยู่: หาดชลาทัศน์ ซ.ราชดำเนิน ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 5.00 - 20.00 น.


สวนสองทะเล



สวนสาธารณะริมทะเลขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตฐานทัพเรือสงขลา บริเวณปากอ่าวทะเสสาบสงขลาที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย มองเห็นเกาะหนู เกาะแมว และฝั่งทะเลสาบสงขลาได้อย่างชัดเจน มาสักการะอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และประติมากรรมหัวพญานาคพ่นน้ำ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในสงขลา

ที่อยู่: แหลมสนอ่อน ต.บ่อยาง อ.เมือง สงขลา


Do you know: การเดินทางไปสงขลา นอกจากการบินไปลงสนามบินหาดใหญ่ แล้วยังสามารถใช้บริการเรือเฟอร์รี่ “The Seahorse Ferry” แล่นตรงจากท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ (ท่าเรือจุกเสม็ด) ชลบุรี มาเทียบท่าที่ท่าเรือเซ้าท์เทิร์น โลจิสติกส์ 2009 สงขลา ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละประมาณ 18 – 20 ชม. ภายในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร คาเฟ่ และลานจอดรถ ราคาเริ่มต้นคนละ 1,000 บาท ตรวจสอบตารางการเดินทางได้ที่ Facebook Fanpage: The Seahorse Ferry


เกาะยอ กับวิวทะเลสาบสงขลา



เกาะใหญ่กลางทะเลสาบสงขลา ชาวบ้านบนเกาะยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประกอบอาชีพประมงและทำสวนผลไม้ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง พร้อมร้านอาหาร คาเฟ่ โฮมสเตย์ให้บริการอยู่ทั่วเกาะ


วัดพระนอนแหลมพ้อ  



หนึ่งในวัดคู่เมืองของสงขลาที่ทรงคุณค่าจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร เป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปปางปรินิพพานองค์ใหญ่ที่สุดในไทย สร้างในเมื่อปี พ.ศ 2537 ภายในวัดยังมีประติมากรรมสามสามัคคี เป็นภาพของชาวบ้านที่กำลังช่วยกันจับสัตว์ขึ้นชื่อของเกาะยออย่าง ปลากะพง 3 น้ำ

ที่อยู่: บ้านสวนทุเรียน ม.4  ต.เกาะยอ อ.เมือง สงขลา

เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 7.00 – 18.00 น.


ประติมากรรมของดีเกาะยอ

ประกอบด้วย ปลากะพงขาว 3 น้ำที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในไทย เลี้ยงโดยธรรมชาติในทะเลสาบสงขลา และผลไม้เศรษฐกิจของตำบลเกาะยอ เช่น จำปาดะ ขนุนพันธุ์หายากมีเฉพาะที่เกาะยอ รวมทั้งละมุดหรือสะหวา ที่มาถึงเกาะยอต้องหาทานให้ได้

ที่อยู่: สวนสาธารณะหาดทรายเทียม ต.เกาะยอ อ.เมือง สงขลา


Must Buy: เกาะยอมีของดีประจำเกาะอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทอลายลายดอกพิกุล หรือดอกพะยอมที่สืบสานกันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 และลายราชวัตถ์ที่ได้รับพระราชทานมาจากรัชกาลที่ 7 รวมถึงกระเบื้องและเครื่องปั้นดินเผาดินเกาะยอ เป็นต้น



The Local Said



คุณหมู นรินทร์ อินทร์ยอด - เจ้าของเพจ ฮัลโหลสงขลา

เสน่ห์ของสงขลาสำหรับผมคือ เป็นเมืองที่เก็บซ่อนความลับที่คนไม่รู้เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นมาของเมืองเก่าที่หลายคนเข้าใจผิด จุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมที่หลากหลาย ธรรมชาติที่เชื่อมต่อกับวิถีชีวิตของผู้คนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บางเรื่องแม้แต่คนในท้องถิ่นก็ยังไม่รู้ ทั้งหมดคือสิ่งที่หล่อหลอมจนกลายมาเป็นสงขลาในปัจจุบัน คือมนต์เสน่ห์ของความน่าค้นหาที่อยากให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง”


TAG : เที่ยวสงขลา songkhla

travel The Beautiful Chapter of Songkhla สงขลา เสน่ห์เมืองเก่าสิงหนคร

Sakura Pink

ปรมาจารย์การท่องเที่ยว | Story: 12 | COMMENT: 126 | LIKE: 155

ชื่นชอบการท่องเที่ยว บันทึกภาพถ่ายในทุกๆ การเดินทาง เพราะเราเชื่อว่า ทุกๆ ภาพถ่ายจะสามารถเก็บทุกๆ ความทรงจำ ทุกๆ ความรู้สึก เมื่อวันนึง ที่เราย้อนกลับมามองมันอีกครั้ง

Comment


กรุณาเข้าสู่ระบบก่อน เพื่อแสดงความคิดเห็น