STORY / Apr 29, 2022
ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 2 ของประเทศ มากด้วยศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่หลายพันปี เมืองบ้านเกิด ถิ่นกำเนิดของหมีแพนด้าแห่งนี้ยังเป็นประตูสู่เมืองมรดกโลกหลายแห่งอีกด้วย
คุณสามารถศึกษาเที่ยวชมการดำเนินชีวิตสุดน่ารักของเหล่าแพนด้าภายในศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า หรือ หมู่บ้านแพนด้า ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 10 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว่า 600,000 ตารางเมตร แวดล้อมไปด้วยป่าไผ่เขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ ดอกไม้นานาชนิดหลากสีสัน ทัศนียภาพที่สวยงามที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินชีวิตของเหล่าแพนด้า ค่าเข้าชม 58 หยวน (หรือประมาณ 290 บาท) เวลาที่เหมาะแก่การเข้าชมคือช่วงให้อาหารในตอนเช้า (8.30 – 10.00 น.) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.panda.org.cn เยือนหมู่บ้านแพนด้าทั้งที ต้องมีของที่ระลึกติดไม้ติดมือฝากคนไกล จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากผลิตภัณฑ์แพนด้าที่มีครบพร้อมเพรียงให้เลือกสรรตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า รวมถึงของใช้น่ารักต่าง ๆ ซึ่งมีราคาไม่แพงมากนัก
จุดถัดไปที่ไม่ควรพลาด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง โดยรสบัสจากตัวเมืองหรือโดยสารรถไฟไฮสปีดไปต่อแท๊กซี่ที่สถานีเล่อซาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษไปสักการะพระพุทธรูปเล่อซาน พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเขาเล่อซานห่างจากตัวเมืองเฉิงตูประมาณ 140 กิโลเมตร ความสูงกว่า 70 เมตร ไหล่กว้างกว่า 20 เมตร ตั้งตระหง่านเป็นสง่าเทียบเท่าภูเขาริมแม่น้ำ ทั่วบริเวณยังมีรูปปั้นหินแกะสลักเป็นเหล่าบริวารอีกนับร้อยนับพันองค์ ในอดีตจุดนี้เป็นจุดรวมของลำน้ำสามสาย เรือที่เดินทางผ่านไปมามักจะประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงมีการสร้างองค์พระที่จุดนี้ เพื่อให้ชาวเรือได้มองเห็นตั้งแต่ระยะไกลๆ ช่วยให้เกิดความระมัดระวังได้ดียิ่งขึ้น วิธีสักการะพระมีอยู่สองวิธี คือซื้อตั๋วล่องเรือในแม่น้ำชมองค์พระ หรือขึ้นบันไดตามแนวเขาเพื่อไปสักการะก็ได้
ไม่เพียงแค่อารยธรรมอันเก่าแก่ที่ผสมผสานเข้ากับตัวเมืองได้อย่างดี แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่นักท่องเที่ยวมาหยุดอยู่ที่ เฉิงตู (Chengdu) คือเพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังอุทยานจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) อุทยานมรดกโลก ที่ใครต่อใครให้คำนิยามว่าเป็นอุทยานแห่งสวรรค์ นักท่องเที่ยวสามารถบินตรงจากสนามบินเฉิงตู (Chengdu) มุ่งสู่สนามบินจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) ใช้เวลาราวๆ 50 นาที เมื่อถึงแล้วสามารถต่อรถบัสภายในตัวเมืองไปยังอุทยานใช้เวลาในการเดินทางอีก 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้มากเมื่อเทียบกับการนั่งรถบัสจากตัวเมืองเฉิงตูที่ใช้ระยะเวลาเกือบ 10 ชั่วโมง อุทยานจิ่วจ้ายโกวมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 7 องศา โดยจุดท่องเที่ยวแนะนำอย่าง ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake) ทะเลสาบที่มีน้ำใส ป่าสนและภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง ในช่วงที่น้ำใสและนิ่ง ทะเลสาบแห่งนี้จะสะท้อนภาพของท้องฟ้า ผืนป่า แสงสะท้อนวับวาว ราวกับเป็นกระจกแห่งธรรมชาติเลยทีเดียว
ลิ้มรสชาติอาหารเสฉวนต้องไม่พลาดเมนูท้องถิ่น “หม้อไฟเสฉวน” (Hot Pot) รสชาติเผ็ดร้อนการันตีความเผ็ดร้อนจากส่วนผสมของพริกสด พริกแห้ง พริกไทย ขิง และเครื่องเทศต่างๆ ในหม้อกว่า 20 ชนิด นอกจากการลวกเนื้อสัตว์แผ่นบางในน้ำซุป 3เครื่องเคียงหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมลิ้มลองต้องใส่ลงไปในหม้อไฟคือ กระเพาะวัว ไส้ห่าน และหลอดลมวัว มาเยือนเฉิงตูแล้วไม่ได้ลิ้มลองเมนูนี้ถือว่าผิด อดนำไปบอกต่อถึงรสชาติแสนอร่อย อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดเช่นกันคือ ผัดเต้าหู้ทรงเครื่องในเมนู “หม่าโผโต้วฟู” โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมกรุ่น รสชาติจัดจ้านจนลิ้นชาตามแบบฉบับพริกเสฉวน ภายในจานประกอบด้วยซอสพริกเสฉวน เต้าหู้ เนื้อสับ และถั่ว ตกแต่งชามด้วยผักสีเขียวโรยหน้า เมนูนี้สามารถหาทานได้เกือบทุกร้านในเมืองเฉิงตู และอีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดเช่นกันคือ
ชมการแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากอันขึ้นชื่อของเฉิงตู ศิลปะการแสดงงิ้วชั้นสูงของชาวเสฉวน สืบทอดกันมาภายในตระกูลหลายชั่วอายุคน ศาสตร์การแสดงนี้จะไม่ถ่ายทอดให้บุคคลภายนอกทั่วไป ด้วยท่วงทำนองภาษา การขับขานที่ไพเราะ และท่วงท่าการแสดงอันงดงามเข้าใจได้ง่ายแฝงด้วยอารมณ์ขันของนักแสดง สร้างสีสันให้การแสดงมีชีวิตชีวาอย่างมาก การสะบัดหน้าเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถเปลี่ยนหน้ากากได้ภายในเสี้ยววินาที ไม่ว่าใครที่ได้มาชมโชว์นี้ก็ยังไม่สามารถจับผิดหรือรู้วิธีการเปลี่ยนหน้ากาก จึงเป็นโชว์ที่ผสมผสานมายากลเข้ากับการแสดงอย่างกลมกลืนสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก การแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากนี้สามารถหาดูได้ตามร้านอาหาร หรือบ้านที่ดัดแปลงเป็นโรงละครเรียงรายตามท้องถนนภายในเมืองเฉิงตู
วัฒนธรรมสังคมเมืองเก่าแก่ถูกหล่อหลอมให้เข้ากับยุคสมัยใหม่บนถนนโบราณจินหลี่ ถนนคนเดินทางทิศตะวันออกของวัดวูเฮา (Wuhou Temple) เสน่ห์ของถนนจินหลี่คือ 2 ข้างทางที่ตกแต่งด้วยเรื่องราววิถีชีวิตการเป็นอยู่ของคนเฉิงตูสมัยโบราณ ผสมความทันสมัยใส่เข้าไปได้อย่างลงตัว มีร้านค้าเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่ตลอดสายให้เดินช้อปกันเพลิน คุณสามารถหาของเก่าได้ที่นี่ เช่นงานเย็บปักถักร้อยแบบโบราณ ผลิตภัณฑ์เคลือบงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่สวยงาม อีกทั้งยังมีร้านขายเสื้อผ้า ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ บาร์ โรงแรมสมัยใหม่ที่มีการออกแบบตกแต่งกลมกลืนกับวัฒนธรรมดั้งเดิม ไปจนถึงร้านอาหารนานาชนิดเรียงรายพร้อมเสียงตะโกนเรียกเชิญชวนลูกค้าให้เข้าใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย โชว์เปลี่ยนหน้ากากก็สามารถหาชมได้บนถนนสายนี้
เสริมศิริมงคลด้วยการแวะวัดวูเฮา วัดเก่าแก่ที่สุดในเฉิงตู ตั้งอยู่ติดกับถนนโบราณจินหลี่ สักการะศาลเจ้า อู่โหวฉือ หรือศาลเจ้าขงเบ้ง สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงขงเบ้ง อัครมหาเสนาบดีที่มีความเฉลียวฉลาด ซึ่งแฟนๆ นวนิยายเรื่องสามก๊กรู้จักกันดี ภายในศาลเจ้ามีรูปปั้นขงเบ้งสวมหมวกและถือพัดขนนกระเรียน ที่เชื่อกันว่าหากได้สักการะจะมีโชคลาภเงินทองเข้ามาในชีวิต หน้ารูปปั้นยังมีกลองสำริดที่ใช้ตีส่งสัญญาณในคราวออกศึกปราบศัตรูในดินแดนทางตอนใต้จนได้รับฉายาว่า กลองขงเบ้ง ทั้งยังมีรูปปั้นเทพเจ้าองค์อื่นๆ รวมไปถึงศิลาจารึกและป้ายโคลงกลอนต่างๆ ที่แต่งโดยขงเบ้งกว่า 70 ชิ้น ให้ได้ศึกษา ท่ามกลางความเจริญรอบด้านศาลเจ้าแห่งนี้ยังคงให้ความรู้สึกถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ่งในอดีตทันทีที่ได้ก้าวเข้าไปสัมผัส โดยค่าเข้าวัดจะอยู่ที่ประมาณ 60 – 80 หยวนต่อคน (หรือราวๆ 300 บาท)
TAG : CHENGDU เฉิงตู travel trip guide
Traveller Man
นักเที่ยวตัวฉกาจ | Story: 25 | COMMENT: 265 | LIKE: 560
"ท่องเที่ยวไปใน ทุกที่"Comment