STORY / Apr 05, 2022
ความงามของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีนั้นเป็นที่เลื่องลือจนได้กลายมาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความงามของสหรัฐอเมริกา และเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่าหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกในแต่ละปี ไม่เพียงแต่ทัศนียภาพของเหล่าภูเขาและต้นสนเท่านั้นที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบที่แห่งนี้ แต่เหล่าสัตว์ป่าที่น่ารักและเป็นมิตรก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนเช่นกัน
ไม่ว่านักท่องเที่ยวผู้มาเยือนจะกำลังมองหากิจกรรมในรูปแบบไหนทำในช่วงวันหยุด ที่อุทยานแห่งนี้ก็มีให้อย่างครบครัน อุทยาน ฯ แห่งนี้โดดเด่นด้วยหุบเขาโยเซมิตีซึ่งมีความกว้าง 1.6 กิโลเมตร ยาว 11 กิโลเมตร จากการถูกตัดผ่านด้วยธารน้ำแข็งในอดีตทำให้เกิดเป็นที่นี่เกิดเป็นหุบเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา มีภูเขาหินขนาดใหญ่สองลูกที่เป็นหน้าผาคือภูเขาฮาล์ฟโดม (Half Dome) และภูเขาเอลแคปปิตอล
การทำกิจกรรมที่อุทยาน ฯ ควรเริ่มต้นจากการเข้ารับชมสไลด์และรับฟังประวัติความเป็นมาของอุทยาน ฯ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววัลเล่ย์ (Valley Visitor Center) ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความเป็นมาเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ในอุทยาน ฯ ก่อนออกเดินทางไปชมของจริง ความจากนั้นจึงค่อยเดินทางท่องเที่ยวในอุทยาน ฯ โดยจะใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะก็ได้ ที่แรกที่ต้องแวะไปให้ได้เลยคือ น้ำตกโยเซมิตี ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาสูง มีละอองน้ำกระจายอยู่ทั่วไป ยิ่งปริมาณน้ำที่ตกลงมามีมากแค่ไหน วิวของที่นี่ก็จะอลังการงดงามและให้บรรยากาศดีมากเท่านั้น ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพียง 400 เมตร หากต้องการขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของน้ำตกก็ต้องเดินทางต่ออีกอีก 4 กิโลเมตร
อีกน้ำตกที่น่าสนใจก็คือน้ำตกเวอร์นัล (Vernal Fall) และน้ำตกเนวาดา (Nevada Fall) ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะนิยมเดินทางขึ้นไปชมความงามของน้ำตกแห่งนี้และปิกนิกบนยอดเขา เส้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้เดินทางบ่อยที่สุดคือ เส้นทาง The John Muir Trail โดยชื่อของเส้นทางมีที่มาจากนักสิ่งแวดล้อมชื่อ John Muir เป็นเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็จะถึงน้ำตกเวอร์นัล นอกจากนี้หากมีแรงก็สามารถเดินทางไปที่น้ำตกเนวาดาต่อได้อีก ความพิเศษของเส้นทางนี้คือต้นสนขนาดใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายตามเส้นทางประกอบกับทิวทัศน์ที่น่าชวนมอง ส่วนเส้นทางกลับแนะนำให้ใช้เส้นทาง Mist Trail ซึ่งเส้นทางนี้จะมีละอองน้ำจากน้ำตกโปรยปรายลงมา ให้ความชุ่มชื่นบนใบหน้าตลอดการเดินทาง หรือหากต้องการไปออกทริปสั้น ๆ ใช้เวลาไม่นานมาก ก็สามารถเดินทางไปชมมิลเลอร์เลค (Mirror Lake) ทะเลสาบที่มีน้ำใสสะอาดจนเมื่อแสงจากท้องฟ้าสาดส่องกระทบลงมาทำให้เกิดภาพสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจนเป็นที่มาของชื่อมิลเลอร์เลคนั่นเอง
จบการเดินทางด้วยการไปชมวิวที่จุดชมวิวกลาเซียร์พอยท์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่หากไม่มาถือว่ายังมาไม่ถึงอุทยาน ฯ โยเซมิตี จากจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทั้งภูเขาฮาล์ฟโดม น้ำตกและหุบเขาโยเซมิตี สำหรับเส้นทางที่จะใช้ขึ้นไปยังจุดชมวิวนั้นสามารถใช้เส้นทาง Four Mile Trail ซึ่งจะใช้เวลาราว ๆ 3 – 4 ชั่วโมงในการเดินทาง จากนั่นต่อด้วยเส้นทาง Panorama Trail ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4.5 – 7 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นระยะทางที่ฟังดูแล้วไกลมาก แต่ระหว่างทางก็ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามของหน้าผาหินแกรนิตเอลแคปปิตอล (El Capital) และน้ำตกโยเซมิตีให้นักท่องเที่ยวได้ยลความงามตลอดเส้นทางอีกด้วย
Where to stay: หากกำลังมองหาที่พักที่สะดวกต่อการเดินทางท่องเที่ยวในอุทยานฯ โยเซมิตี แนะนำให้พักผ่อนโรงแรมเดอะมาเจ็สติก โยเซมิตี โฮเทล ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านโยเซมิตี ห่างจากพิพิธภัณฑ์ของอุทยานฯ เพียงหนึ่งไมล์ และห่างจากน้ำตกเพียง 5 กิโลเมตร ภายในโรงแรมมีการบริการสะดวกครบครันทั้งร้านอาหาร บาร์นั่งเล่น ระบบรักษาความปลอดภัย และร้านขายของที่ระลึก
TAG : Yosemite travel usa โยเซมิตี
Sakura Pink
ปรมาจารย์การท่องเที่ยว | Story: 12 | COMMENT: 126 | LIKE: 155
ชื่นชอบการท่องเที่ยว บันทึกภาพถ่ายในทุกๆ การเดินทาง เพราะเราเชื่อว่า ทุกๆ ภาพถ่ายจะสามารถเก็บทุกๆ ความทรงจำ ทุกๆ ความรู้สึก เมื่อวันนึง ที่เราย้อนกลับมามองมันอีกครั้งComment